กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติต่างด้าวลงทุนในไทยอีก 35 ราย มีเงินลงทุนประกอบธุรกิจ 580 ลบ. จ้างงานคนไทย 385 คน
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2558 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 35 ราย ซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ยื่นขออนุญาตครั้งแรกจำนวน 23 ราย ทั้งนี้ การอนุญาตทำให้คนต่างด้าวต้องนำเงินเข้ามาลงทุนในการประกอบธุรกิจจำนวน 580 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยจำนวน 385 คน ซึ่งธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ได้แก่
1. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 20 ราย (คิดเป็นร้อยละ 57 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 509 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ และให้เช่าพื้นที่อาคาร เป็นต้น เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปน และลักเซมเบิร์ก
2. ธุรกิจสำนักงานผู้แทน จำนวน 9 ราย (คิดเป็นร้อยละ 26 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 40 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การตลาด การลงทุน ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ให้สำนักงานใหญ่ทราบ เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และเดนมาร์ก
3. ธุรกิจค้าส่ง จำนวน 3 ราย (คิดเป็นร้อยละ 8 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 19 ล้านบาท เช่น การค้าส่งเส้นใยสังเคราะห์สำหรับการก่อสร้าง และการค้าส่งเครื่องจักรสำหรับการผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์ และส่วนประกอบของยานพาหนะ เป็นต้น เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย
4. ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 1 ราย (คิดเป็นร้อยละ 3 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 6 ล้านบาท ได้แก่ การค้าปลีกอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่ใช้กับไฮโดรลิกและระบบเกียร์ส่งกำลัง เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์
5. ธุรกิจนายหน้าตัวแทน จำนวน 1 ราย (คิดเป็นร้อยละ 3 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 3 ล้านบาท ได้แก่ การทำกิจการนายหน้าและตัวแทนจำหน่ายบัตรประเภทต่างๆ อาทิ บัตรโดยสาร บัตรที่พักและโรงแรม ฯลฯ เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์
6. ธุรกิจที่เป็นคู่สัญญากับภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ จำนวน 1 ราย (คิดเป็นร้อยละ 3 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 3 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาแผงวงจรเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับโครงการติดตั้งระบบติดตามสถานการณ์เพื่อการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำปราณบุรีให้แก่กรมชลประทาน เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับในเดือนกรกฎาคม 2558 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3 รายคิดเป็นอัตราร้อยละ 9 ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 987 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 63 และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจำนวน 4 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 10 และมีเงินลงทุนลดลง 5,096 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนกรกฎาคม 2557 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 (มกราคม-กรกฎาคม 2558) คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วจำนวน 242 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 8,587 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 17 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 8 ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 4,462 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 34
1. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 20 ราย (คิดเป็นร้อยละ 57 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 509 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ และให้เช่าพื้นที่อาคาร เป็นต้น เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปน และลักเซมเบิร์ก
2. ธุรกิจสำนักงานผู้แทน จำนวน 9 ราย (คิดเป็นร้อยละ 26 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 40 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การตลาด การลงทุน ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ให้สำนักงานใหญ่ทราบ เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และเดนมาร์ก
3. ธุรกิจค้าส่ง จำนวน 3 ราย (คิดเป็นร้อยละ 8 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 19 ล้านบาท เช่น การค้าส่งเส้นใยสังเคราะห์สำหรับการก่อสร้าง และการค้าส่งเครื่องจักรสำหรับการผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์ และส่วนประกอบของยานพาหนะ เป็นต้น เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย
4. ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 1 ราย (คิดเป็นร้อยละ 3 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 6 ล้านบาท ได้แก่ การค้าปลีกอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่ใช้กับไฮโดรลิกและระบบเกียร์ส่งกำลัง เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์
5. ธุรกิจนายหน้าตัวแทน จำนวน 1 ราย (คิดเป็นร้อยละ 3 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 3 ล้านบาท ได้แก่ การทำกิจการนายหน้าและตัวแทนจำหน่ายบัตรประเภทต่างๆ อาทิ บัตรโดยสาร บัตรที่พักและโรงแรม ฯลฯ เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสิงคโปร์
6. ธุรกิจที่เป็นคู่สัญญากับภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ จำนวน 1 ราย (คิดเป็นร้อยละ 3 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต) มีเงินลงทุนจำนวน 3 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาแผงวงจรเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับโครงการติดตั้งระบบติดตามสถานการณ์เพื่อการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำปราณบุรีให้แก่กรมชลประทาน เป็นคนต่างด้าวจากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับในเดือนกรกฎาคม 2558 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3 รายคิดเป็นอัตราร้อยละ 9 ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 987 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 63 และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลงจำนวน 4 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 10 และมีเงินลงทุนลดลง 5,096 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนกรกฎาคม 2557 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 (มกราคม-กรกฎาคม 2558) คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วจำนวน 242 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 8,587 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 17 ราย คิดเป็นอัตราร้อยละ 8 ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 4,462 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 34